RFID Tag คืออะไร
|
RFID Tag ที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน จะหุ้มด้วยพลาสติก เหล็ก หรือกระดาษ และ RFID tag นั้นจำเป็นต้องใช้งานควบคู่กับ RFID Reader ซึ่งในปัจจุบันธุรกิจที่นิยมนำระบบ RFID ไปใช้ เช่น ธุรกิจค้าปลีก, คลังสินค้า, Logistics, งานอีเว้นท์, คอนเสิร์ต, โรงพยาบาล, โรงเรียน เป็นต้น
RFID tag มีอยุ่ 2 ประเภทด้วยกัน คือ
Passive tag เป็น tag ที่ไม่มีแหล่งพลังงานเป็นของตัวเอง (ไม่มีแบตเตอรี่) จึงต้องอาศัยพลังงานจากคลื่นวิทยุที่ส่งมาจากเครื่องอ่าน (RFID reader) ส่วนในการติดต่อกันระหว่าง RFID tag กับ RFID reader นั้นเครื่องอ่านจะเป็นส่วนที่เริ่มส่งข้อมูลก่อน และเมื่อ tag ได้รับข้อมูลจากเครื่องอ่านแล้วก็จะส่งข้อมูลมายังที่เครื่องอ่าน ตัวอย่างของ Passive tag เช่น บัตรสมาร์ทการ์ด ที่ไว้เป็นคีย์การ์ดเพื่อเข้าอาคาร เป็นต้น
ข้อดี : มีน้ำหนักเบา ขนาดเล็ก มีอายุการใช้งานได้ไม่จำกัด และราคาถูกกว่า tag ประเภท active tag
ข้อเสีย : ระยะการรับส่งข้อมูลใกล้ (ขึ้นอยู่กับ RFID reader ด้วย) มีหน่วยความจำขนาดเล็กประมาณ 32 ถึง 128 บิต
Active tag Active tag เป็น tag ที่มีแหล่งจ่ายไฟในตัวเอง (มีแบตเตอรี่) Tag ประเภทนี้จะมีอายุของแบตเตอรี่ประมาณ 3 ปี เมื่อแบตเตอรี่หมดจะไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ tag ประเภทนี้จะมีระยะการอ่านที่ไกลกว่า Passive tag ส่วนในการติดต่อกันระหว่าง tag กับ RFID reader (เครื่องอ่าน) นั้น tag จะเป็นส่วนที่เริ่มการติดต่อก่อน เพราะ active tag มีแหล่งพลังงานของตัวเอง จึงไม่ต้องอาศัยพลังงานจากเครื่องในการส่งข้อมูล ตัวอย่าง active tag ที่เราเห็นกันปัจจุบัน เช่น tag easy pass
ข้อดี : ระยะการอ่านได้ไกล มีหน่วยความจำภายในขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังทำงานในบริเวณที่มีสัญญาณรบกวนได้ดี
ข้อเสีย : ราคาแพง และตัว tag ค่อนข้างมีขนาดใหญ่
การเลือก RFID tag เพื่อนำไปใช้งานนั้นเราต้องคำนึงถึง ระยะการอ่านที่ต้องการ, พื้นผิววัสดุที่ต้องการนำ RFID tag ไปติด และสภาวะแวดล้อมที่ RFID tag จะต้องไปอยู่ภายในห้องนั้น เป็นต้น มาดูคุณสมบัติของ RFID tag แต่ละชนิดกันค่ะ
Anti Metal Tag เป็น tag ที่ถูกออกแบบเพื่อให้สามารถติดลงบนพื้นผิววัสดุที่เป็นเหล็ก หรือโลหะได้โดยไม่ถูกรบกวนสัญญาณ เช่น รถเข็นขนสินค้า ชั้น Rack ในคลังสินค้า เครื่องมือช่างเป็นต้น
High Temperature Tag เป็น tag ที่เหมาะสำหรับการนำไปใช้งานในสภาวะที่มีความร้อนสูง หรือ สำหรับงานที่ต้องการ tag ที่สามารถทนความร้อนได้เกิน 100 องศาขึ้นไป แต่ tag ประเภทนี้ก็จะมีราคาสูงกว่า tag ทั่วไป
Laundry Tag คือ tag ที่สามารถทนต่อการซักล้าง, ทนต่อความร้อนในการรีด ได้และสามารถเย็บติดกับเสื้อผ้าได้ Laundry Tag มักถูกนำมาใช้ในการตรวจนับสินค้า หรือ นับจำนวนครั้งในการซักสินค้า เพราะเสื้อผ้าบางชนิด เช่น ชุด Cleanroom จำเป็นต้องมีการตรวจสอบจำนวนครั้งในการซัก
Windshild Tag คือ tag ที่ใช้สำหรับติดกระจกรถยนต์ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อขยายสัญญาณให้ดีขึ้นเมื่อติดเข้ากับกระจกรถยนต์ และใน Windshild Tag บางรุ่นตัว Chip จะถูกเคลือบด้วยสารกัน UV ทำให้มีความคงทนต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
Tool Tag คือ tag ประเภทเดียวกันกับ Anti Metal Tag แต่มีขนาดเล็กเพื่อสำหรับนำไปติดที่เครื่องมือประเภทต่างๆ เช่น เครื่องมือแพทย์ หรือ เครื่องมือของช่างซ่อมบำรุง เพื่อใช้ในการตรวจสอบอุปกรณ์เหล่านี้ว่ายังอยู่ครบหรือไม่
Active Tag เป็น tag ที่มีแบตเตอรี่ในตัว และต้องใช้งานกับเครื่องอ่านประเภท RFID Active Reader เท่านั้น การที่ tag มีแบตเตอรี่ในตัวจึงทำให้สามารถอ่านระยะได้ไกลกว่า tag แบบ Passive ส่วนใหญ่มักถูกนำไปใช้งานใน Solution ที่มีพื้นที่กว้าง และต้องการระยะการอ่านที่ไกล เช่น 20 - 30 เมตร
Wristband คือ Tag ประเภทหนึ่งที่ออกแบบมาในรูปของ สายรัดข้อมือ เพื่อใช้ในการสวมใส่ สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย ในปัจจุบันที่พบเห็นได้ทั่วไป เช่น การใช้งานในระบบ E-payment, การปลดล็อคตู้ล็อคเกอร์, การใช้งานภายในสวนน้ำ และสถานที่ออกกำลังกาย